บ้านหมุน คืออะไร?
บ้านหมุน (Vertigo) คืออาการเวียนหัวชนิดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนสิ่งรอบตัวกำลังเคลื่อนที่ หมุน หรือโคลงไปมา ทั้งที่จริงแล้วร่างกายไม่ได้ขยับเลย ผู้ที่มีอาการบ้านหมุนมักรู้สึกเสียการทรงตัว เดินไม่ตรง คลื่นไส้ หรือพะอืดพะอมร่วมด้วย ซึ่งต่างจากอาการเวียนหัวทั่วไปที่มักเป็นเพียงความรู้สึกโคลงเคลงหรือหน้ามืดเพียงชั่วคราว
ที่มาของน้ำมันสมุนไพรในประเทศไทย
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น สามารถแยกความต่างได้ดังนี้:
- เวียนหัวทั่วไป (Dizziness):รู้สึกโคลงเคลง หน้ามืด ตาลาย เหมือนจะเป็นลม มักเกี่ยวข้องกับความดันต่ำ ขาดน้ำ หรือพักผ่อนไม่พอ
- บ้านหมุน (Vertigo):รู้สึกเหมือนโลกหมุนรอบตัว หรือร่างกายหมุนเองอย่างควบคุมไม่ได้ บางครั้งรู้สึกเหมือนกำลังตกเหวหรือเสียการทรงตัวอย่างหนัก
เวียนหัว บ้านหมุน เกิดจากอะไร?

อาการ เวียนหัว บ้านหมุน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบทรงตัวในหูชั้นใน แต่บางกรณีก็อาจมาจากระบบประสาท สมอง หรือปัจจัยทางกายภาพอื่น ๆ การทำความเข้าใจสาเหตุอย่างถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกแนวทางบรรเทาและการดูแลตัวเองได้ตรงจุด
1. สาเหตุจากระบบหูชั้นใน (Peripheral Vertigo)
ระบบหูชั้นในคือศูนย์กลางสำคัญของการทรงตัว หากส่วนนี้เกิดความผิดปกติ ก็จะส่งผลให้เกิดอาการบ้านหมุนแบบเฉียบพลันได้ทันที สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- นิ่วในหูชั้นในหลุด (BPPV – Benign Paroxysmal Positional Vertigo):เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุด มักเกิดจากการเปลี่ยนท่าทางเร็วเกินไป เช่น ลุกจากเตียง ก้มเงย ทำให้รู้สึกบ้านหมุนเป็นช่วงสั้น ๆ แต่เกิดซ้ำได้บ่อย
- หูชั้นในอักเสบ (Labyrinthitis):เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการบ้านหมุนร่วมกับการได้ยินลดลง
- เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ (Vestibular Neuritis):เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกระทบเส้นประสาทการทรงตัว ทำให้เวียนหัวอย่างรุนแรงและอาจนานหลายวัน
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s Disease):เกิดจากน้ำในหูชั้นในผิดสมดุล ทำให้บ้านหมุนเป็นระยะ ๆ ร่วมกับหูอื้อ หรือเสียงดังในหู
2. สาเหตุจากระบบประสาทหรือสมอง (Central Vertigo)
อาการบ้านหมุนที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางพบได้น้อยกว่า แต่สำคัญมากเพราะอาจเกี่ยวข้องกับภาวะที่ต้องดูแลอย่างเร่งด่วน สาเหตุที่อาจพบ ได้แก่:
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke):หากบ้านหมุนรุนแรงร่วมกับแขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือหน้าเบี้ยว ต้องรีบพบแพทย์ทันที
- ไมเกรนชนิดเวียนหัว (Vestibular Migraine):ทำให้เกิดอาการเวียนหัว บ้านหมุน คลื่นไส้ โดยอาจไม่มีอาการปวดหัวร่วมก็ได้
- เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor):มีผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทรงตัว แต่พบได้น้อยมาก
- การบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head Injury):ส่งผลต่อระบบทรงตัว ทำให้เกิดอาการเวียนหัวบ้านหมุนในระยะยาว
3. ปัจจัยเสริมอื่น ๆ ที่กระตุ้นอาการบ้านหมุน
นอกจากโรคหรือความผิดปกติแล้ว ยังมีหลายปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการบ้านหมุนได้เช่นกัน ได้แก่
- ความเครียดสูง:ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้ร่างกายตอบสนองผิดปกติ เกิดเวียนหัวหรือบ้านหมุนได้
- พักผ่อนไม่เพียงพอ:ทำให้ระบบประสาทล้า กระทบการทรงตัว
- ภาวะขาดน้ำ:เกิดจากดื่มน้ำน้อยหรือเสียเหงื่อมาก ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี นำไปสู่อาการมึนเวียน
- ความดันโลหิตต่ำหรือสูงผิดปกติ:ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด:เช่น ยาความดัน ยากันชัก ยานอนหลับ
อาการบ้านหมุนหายเองได้ไหม?
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดเมื่อเกิดอาการบ้านหมุนคือ “อาการแบบนี้จะ หายเองได้ไหม?” ขึ้นอยู่กับ “สาเหตุ” ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาการบ้านหมุนบางประเภทสามารถทุเลาหรือหายเองได้ แต่บางกรณีก็จำเป็นต้องได้รับการประเมินจากแพทย์เพื่อความปลอดภัย
บ้านหมุนบางกรณีหายเองได้
อาการบ้านหมุนจาก BPPV (นิ่วในหูชั้นในหลุด) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยมาก และมักดีขึ้นหรือหายเองได้เมื่อก้อนนิ่วเคลื่อนกลับสู่ตำแหน่งเดิม หรือเมื่อทำกายบริหารเฉพาะที่ช่วยปรับตำแหน่งนิ่ว เช่น Epley Maneuver นอกจากนี้อาการบ้านหมุนที่เกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ความเครียด, พักผ่อนน้อย, ภาวะอ่อนเพลีย, ขาดน้ำ เป็นต้น ก็มักจะทุเลาลงเองเมื่อร่างกายได้พักฟื้นมากพอ
อ่านบทความที่น่าสนใจต่อได้ที่ : 10 สมุนไพรช่วยลดความดันโลหิตสูง มีสรรพคุณแบบไหน รับประทานอย่างไร?
บ้านหมุน แก้ยังไง? รวมวิธีบรรเทาเบื้องต้น
เมื่อเกิดอาการบ้านหมุนหลายคนอาจรู้สึกตื่นตระหนกเพราะภาพรอบตัวหมุนจนทรงตัวไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงมีหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการในเบื้องต้นได้อย่างปลอดภัย การเข้าใจวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำบ่อย
1. วิธีดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการบ้านหมุน
- หยุดกิจกรรมทันที:หยุดเดิน ขับรถ หรือทำงานที่ต้องใช้การทรงตัว เพราะอาจล้มและเกิดอุบัติเหตุได้
- นั่งหรือนอนในท่าที่ศีรษะนิ่ง:เลือกท่านั่งหรือนอนตะแคงข้างที่สบายที่สุด เพื่อให้ระบบทรงตัวสงบ
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะรวดเร็ว:เช่น การหันหน้าเร็ว ๆ หรือเปลี่ยนท่าทางกะทันหัน ซึ่งอาจกระตุ้นอาการบ้านหมุนให้รุนแรงขึ้น
- จ้องมองวัตถุที่อยู่นิ่ง:เช่น มุมห้อง หรือกำแพง วิธีนี้ช่วยให้สมองตั้งหลักและลดอาการเวียนหัวได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ:ภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาการเวียนหัวบ้านหมุนแย่ลง
- พักผ่อนให้เพียงพอ:ระบบประสาทจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นเมื่อร่างกายได้รับการพักอย่างเหมาะสม
2. สมุนไพรช่วยบรรเทาอาการบ้านหมุน
แม้สมุนไพรจะไม่ได้ช่วยรักษาอาการบ้านหมุนโดยตรง แต่สามารถช่วยลด คลื่นไส้ เวียนหัว พะอืดพะออม ได้ในระดับหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยบรรเทา ได้แก่:
- ขิง:มีงานวิจัยสนับสนุนว่าช่วยลดเวียนหัว คลื่นไส้ และอาการเมาเรือ สามารถดื่มน้ำขิง หรืออมขิงสดเล็กน้อยได้
- สะระแหน่ / เปปเปอร์มิ้นต์:กลิ่นหอมช่วยเปิดทางเดินหายใจและลดความรู้สึกมึนงง
- ยาดมสมุนไพรไทย: แม้ไม่ใช่การรักษา แต่ช่วยลดความอึดอัดและทำให้รู้สึกโล่งขึ้น
อาการบ้านหมุน แบบไหนควรพบแพทย์?
แม้อาการบ้านหมุน หรือเวียนหัวบ้านหมุน หลายครั้งจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและอาจดีขึ้นได้เอง แต่ก็มีบางกรณีที่สัญญาณอาการรุนแรงจนไม่ควรนิ่งนอนใจ การพบแพทย์อย่างทันท่วงทีอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ได้รับการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น สัญญาณสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วหากพบร่วมกับอาการบ้านหมุนได้แก่
1. อาการเวียนหัวบ้านหมุนเกิดซ้ำบ่อย
หากเกิดอาการบ้านหมุนบ่อยครั้ง เช่น สัปดาห์ละหลายครั้ง หรือเป็นซ้ำ ๆ ทุกเดือน อาจเป็นสัญญาณว่าระบบทรงตัวผิดปกติเรื้อรัง เช่น BPPV โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท การประเมินสาเหตุโดยแพทย์จึงสำคัญอย่างมาก
2. มีอาการร่วมที่ต้องระวัง
หากมีอาการต่อไปนี้ร่วมกับอาการบ้านหมุน ควรพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกี่ยวข้องกับระบบประสาทกลางหรือโรคหลอดเลือดสมอง หูอื้อ การได้ยินลดลง หรือมีเสียงดังในหู พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง หรือยกแขนไม่ขึ้น มองเห็นภาพซ้อนหรือมืดลงทันที อาการเหล่านี้ไม่ใช่ภาวะบ้านหมุนธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนของปัญหาที่รุนแรงกว่านั้น
3. เวียนหัวจนเดินไม่ได้ หรือมีอาการชัก
อาการเวียนหัวบ้านหมุนที่รุนแรงมากจน ไม่สามารถเดินได้ หรือต้องจับยึดทุกครั้งที่ลุกขึ้น เป็นสัญญาณความผิดปกติของสมองหรือระบบประสาท การได้รับการตรวจประเมินทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน หากเกิด อาการชัก ร่วมด้วย ให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน
4. บ้านหมุนรุนแรงต่อเนื่องเกิน 7 วัน
อาการบ้านหมุนทั่วไป เช่น BPPV มักเกิดขึ้นระยะสั้นและดีขึ้นในไม่กี่วัน หากอาการยังคงรุนแรง นานต่อเนื่องเกิน 7 วัน อาจมีสาเหตุเฉพาะที่ต้องการการตรวจโดยแพทย์ เช่น ภาวะติดเชื้อระบบประสาท การอักเสบของเส้นประสาททรงตัว หรือปัญหาสมองส่วนควบคุมการทรงตัว
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงอาการบ้านหมุน

แม้อาการ บ้านหมุน หรือ เวียนหัวบ้านหมุน จะเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งระบบหูชั้นใน ระบบประสาท และปัจจัยเสริมต่าง ๆ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้อาการเกิดซ้ำได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมในชีวิตประจำวัน แนวทางต่อไปนี้เป็นคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ที่ช่วยให้ระบบทรงตัวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสเกิดอาการบ้านหมุนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- พักผ่อนให้เพียงพอ:การนอนหลับอย่างมีคุณภาพคือหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูระบบประสาท หากพักผ่อนไม่พอ สมองและหูชั้นในอาจทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการเวียนหัวบ้านหมุนได้ง่ายขึ้น ควรนอนให้ได้วันละ 7–8 ชั่วโมงอย่างสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำให้มาก:ภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตุที่กระตุ้นการเวียนหัวและบ้านหมุนได้บ่อย เพราะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว หรือมากกว่านั้นหากออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้ง
- หลีกเลี่ยงความเครียด:ความเครียดส่งผลต่อระบบประสาทและการไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีอาการบ้านหมุนมาก่อน ควรหาวิธีผ่อนคลาย เช่น ฝึกหายใจลึก ๆ ทำสมาธิ นวดผ่อนคลาย เดินช้า ๆ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และบุหรี่: สารเหล่านี้มีผลต่อระบบประสาทและการทำงานของหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการเวียนหัวบ้านหมุนได้ง่ายขึ้น
- ลุกขึ้นจากท่านั่งหรือนอนอย่างช้า ๆ: การเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็วคือสาเหตุหลักที่กระตุ้นอาการบ้านหมุน โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะ BPPV หรือความดันต่ำ ควรลุกขึ้นทีละขั้น เช่น จากท่านอน ท่านั่งพัก 10–20 วินาที ค่อยลุกขึ้นยืน ช่วยลดโอกาสเกิดอาการบ้านหมุนเฉียบพลันได้มาก
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อฝึกระบบทรงตัว: การออกกำลังกายที่เหมาะสมช่วยให้ระบบทรงตัว (Vestibular System) แข็งแรงและตอบสนองดีขึ้น เช่น เดินเร็ว โยคะ ไทชิ ท่าบริหารทรงตัวต่าง ๆ ว่ายน้ำ นอกจากช่วยลดโอกาสเกิดบ้านหมุนแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงโดยรวมอีกด้วย
หากคุณสนใจ ยาหอมสมุนไพรแบบเม็ดตราห้าม้า เรามีสินค้าพร้อมจำหน่าย และยินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติม
สรุป บ้านหมุนไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ดูแลได้
อาการบ้านหมุน หรือ เวียนหัวบ้านหมุน อาจเกิดขึ้นแบบฉับพลันและสร้างความกังวลให้กับหลายคน แม้อาการส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าระบบทรงตัวในหูชั้นใน หรือระบบประสาทกำลังทำงานผิดปกติ การรู้เท่าทันสาเหตุ วิธีบรรเทา และสัญญาณอันตราย เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณรับมือกับอาการได้อย่างปลอดภัยและถูกต้อง
การดูแลเบื้องต้น เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงความเครียด และเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการได้อย่างมาก ส่วนในกรณีที่อาการเกิดซ้ำ หรือมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือบ้านหมุนต่อเนื่องนานมากกว่า 7 วัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยอย่างละเอียด
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและสมุนไพรอย่างปลอดภัย Hamar รวบรวมความรู้และผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพที่คุณไว้วางใจ
- สนใจสั่งซื้อสินค้า ยาดมสมุนไพร ยาหอมเทพจิตร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- Line : @hamar
- Facebook : ห้าม้าโอสถ Hamar Osoth
- Tel. 02-1081685-7
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการบ้านหมุน
หากลูกค้าท่านใดมีความสงสัยเกี่ยวกับ “อาการบ้านหมุน” เรารวบรวมทุกคำตอบมาให้แล้วที่นี่
Q: อาการ บ้านหมุน หาย เอง ได้ ไหม?
A: อาการบ้านหมุน สามารถหายเองได้ ในหลายกรณี โดยเฉพาะบ้านหมุนที่เกิดจาก BPPV (นิ่วในหูชั้นในหลุด) หรืออาการที่เกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่พอ หรือร่างกายอ่อนล้า เมื่อร่างกายได้พักและระบบทรงตัวกลับสู่ภาวะปกติ อาการมักค่อย ๆ ดีขึ้นเอง แต่หากบ้านหมุนเกิดซ้ำบ่อย หายช้า หรือมีอาการรุนแรงร่วม เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุที่แท้จริง
Q: บ้านหมุน แก้ยังไง ให้หายเร็ว?
A: หากต้องการบรรเทาอาการบ้านหมุนให้เร็วที่สุด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้
- หยุดกิจกรรมและนั่งหรือนอนนิ่ง ๆ
- หลีกเลี่ยงการหมุนหรือหันศีรษะเร็ว
- จ้องไปที่วัตถุที่อยู่กับที่ เช่น จุดบนกำแพง
- ดื่มน้ำมาก ๆ หากสงสัยว่าร่างกายขาดน้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำกายบริหาร Epley Maneuver หากเป็นบ้านหมุนจาก BPPV
หากอาการไม่ดีขึ้น หรือเกิดซ้ำ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
Q: เวียนหัว บ้านหมุน เกิดจาก ความเครียดได้ไหม?
A: ได้ ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เวียนหัว บ้านหมุนได้ ความเครียดทำให้ระบบประสาททำงานผิดสมดุล ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและการควบคุมการทรงตัว นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายอ่อนล้า พักผ่อนไม่พอ และหายใจสั้น ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุเสริมที่กระตุ้นอาการบ้านหมุนให้รุนแรงขึ้น หากเป็นบ้านหมุนจากความเครียด การพักผ่อน ทำสมาธิ และหลีกเลี่ยงสถานการณ์กดดันจะช่วยให้ดีขึ้นได้เร็ว
