การปีนเขาเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่หลายคนที่ขึ้นไปบนที่สูงมักประสบปัญหาอาการวิงเวียน หน้ามืด หายใจลำบาก หรือคลื่นไส้ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกและสามารถเกิดได้กับทุกคน ดังนั้นในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจกับอาการดังกล่าว พร้อมวิธีดูแลตัวเองตอนปีนเขากัน!
สาเหตุหลักของอาการวิงเวียนบนที่สูง
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียนเมื่อปีนเขาสูงคือปริมาณออกซิเจนที่ลดลง เมื่อขึ้นไปบนที่สูง ความดันอากาศจะลดลง ส่งผลให้อากาศเบาบางและมีออกซิเจนน้อยลง ทำให้ปริมาณออกซิเจนที่เข้าสู่ปอดและกระแสเลือดลดลงตามไปด้วย
เมื่อสมองและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ร่างกายจะแสดงอาการต่าง ๆ เช่น วิงเวียน ปวดหัว เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ใจสั่น คลื่นไส้ หรือแรงไปถึงขั้นอาเจียน เพราะสมองซึ่งเป็นอวัยวะที่ใช้ออกซิเจนมากที่สุดจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก ทำให้เกิดอาการวิงเวียนและร่างกายไม่สมดุล
นอกจากนี้ ความดันอากาศที่ลดลงยังส่งผลต่อการทำงานของระบบหลอดเลือดในสมอง อาจทำให้เกิดการบวมเล็กน้อยของสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวและวิงเวียนที่รุนแรง ในกรณีที่รุนแรงมากอาจพัฒนาเป็นอาการบวมน้ำในสมองหรือปอดได้ ซึ่งความรุนแรงของอาการนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเร็วในการขึ้นที่สูง ระดับความสูง สภาพร่างกาย และประสบการณ์ในการปีนเขา แม้แต่นักปีนเขาที่มีประสบการณ์ก็ยังอาจประสบปัญหานี้ได้ หากไม่ได้เตรียมตัวหรือปรับตัวอย่างเหมาะสม
อาการและสัญญาณเตือนที่ควรระวัง
อาการแพ้ที่สูงมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรง อาการเบา ๆ ที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดหัว เหนื่อยล้า วิงเวียน นอนไม่หลับ เบื่อน้ำเบื่ออาหาร และหายใจเร็วขึ้น
หากอาการรุนแรงขึ้น อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หายใจเหนื่อยแรงแม้ขณะพัก เดินเซ ใจสั่น และรู้สึกสับสน สัญญาณเตือนเหล่านี้บ่งบอกว่าร่างกายกำลังปรับตัวไม่ทันและต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน ไม่ควรบังคับตัวเองให้ขึ้นสูงต่อไป
ในกรณีที่รุนแรงมาก อาจเกิดอาการไอมีเสมหะ หายใจลำบากมาก ริมฝีปากเขียว สติเริ่มเลือนลาง หรือเดินไม่ได้ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบลงจากที่สูงและพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการของปอดบวมน้ำหรือสมองบวมน้ำซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การป้องกันอาการวิงเวียนเมื่อปีนเขา
1.ก่อนที่จะเดินทางปีนเขาหรือขึ้นที่สูง แนะนำให้งดออกกำลังกาย เดิน หรือวิ่ง และควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อไม่ให้เกิดอาการเพลีย อ่อนแรง เหนื่อยล้าสะสม
2. ไม่ควรรีบขึ้นสู่ที่สูงเร็วเกินไป และควรพักตามระยะความสูงต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว เช่น ในวันแรกไม่ควรขึ้นสูงเกิน 3,000 เมตร ควรนอนพักอย่างน้อย 1 วัน และเมื่อเกิน 3,000 เมตร ไม่ควรขึ้นเกิน 500 เมตร/วัน และต้องนอนพักเพื่อปรับสภาพ 1-2 วัน
3.การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะที่ความสูงร่างกายจะเสียน้ำมากขึ้นจากการหายใจ ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 3-4 ลิตรต่อวัน หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยานอนหลับเพราะจะทำให้การหายใจช้าลงและเพิ่มความเสี่ยง การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงก็ช่วยให้ร่างกายใช้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.เตรียมยาฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับอาการที่อาจเกิดขึ้น เช่น กินยาแก้แพ้ที่สูงไว้ก่อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง พกยาหอมเทพจิตรติดตัวไว้บรรเทาอาการเบื้องต้น หรือปรึกษาแพทย์เรื่องยาที่ควรใช้
สรุป
อาการวิงเวียนเมื่อปีนเขาสูงเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ การเข้าใจสาเหตุและวิธีการป้องกันจะช่วยให้คุณสามารถปีนเขาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนใครที่กำลังเดินทางปีนเขาที่มีความสูงไม่มาก การพกยาหอมเทพจิตรติดตัวไปจะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนเบื้องต้นได้ ซึ่งเราขอแนะนำ “ยาหอมเทพจิตรตราห้าม้า” ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่ช่วยแก้ลม บำรุงหัวใจ และทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น พกพาสะดวก เป็นยาอัดเม็ดที่ไม่ต้องชงน้ำ สามารถอมได้ทันทีเมื่อรู้สึกไม่สบาย
แต่อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงควรหยุดพักและพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมเท่านั้น!

